โรงเรียนวัดนาหนอง (วิธานราษฎร์อนุกูล)

หมู่ 2 ต.ดอนแร่ อ.เมือง จ.ราชบุรี 70000

Mon - Fri: 9:00 - 17:30

095 049 4524

พี่สาวของฉันกลับไปเรียนเพิ่ม

พี่สาวของฉันกลับไป เรียนเพิ่ม

พี่สาวของฉันกลับไป

พี่สาวของฉันกลับไป อย่างที่หลายคนเคยบอกเอาไว้ว่าการเรียนเป็นเหมือนกับประตูสู่โอกาส คำพูดนั้นเป็นตัวจุดประกายความคิดของฉันมาโดยตลอดเพราะฉันเชื่อว่าถ้าหากเราเรียนได้ผลการเรียนที่ดีและโดดเด่นพวกเราก็จะมีโอกาสได้งานที่ดี และได้ยกระดับคุณภาพชีวิตของตนเองให้มากยิ่งขึ้น น่าแปลกที่ว่าพี่สาวทั้งสองคนของฉันนั้นไม่ได้คิดแบบนั้นแม้แต่นิดเดียว พวกเธอพากันออกไปจากบ้านเมื่ออายุได้ 20 ปี แน่นอนว่าพวกเธอไม่ต้องการให้พ่อแม่ยุ่งเกี่ยวกับพวกเธออีก เพราะความจริงแล้วครอบครัวของฉันนั้นก็เลี้ยงดูลูกด้วยความเข้มงวดมาโดยตลอด เราต้องแบกรับความกดดันและคาดหวังของผู้เป็นพ่อแม่ตลอดเวลา

พ่อสั่งให้ฉันเลิกวาดรูปตั้งแต่อายุได้ 9 ขวบ ฉันพยายามอธิบายให้พ่อฟังว่าฉันไม่ได้ชอบวาดรูปเลยแต่ว่ามันเป็นการบ้านที่ครูสั่งให้ทำ ฉันจึงต้องทำ แต่พ่อก็ดูเหมือนจะไม่ฟังเหตุผลและมองว่าสิ่งที่ฉันพยายามสื่ออกมานั้นคือข้อแก้ตัวที่ฟังไม่ขึ้น ฉันไม่อยากจะพูดอะไรเพิ่มเติมอีกต่อไปเพียงแค่รับคำสั่งของพ่อและพยายามวาดรูปให้น้อยลงเรื่อยๆ ฉันไม่วาดรูปอีก และอ่านหนังสือวันละ 100 หน้า ตามคำสั่งของพ่อแทนในทุกๆคืน ฉันไม่ได้รู้สึกว่าฝืนอะไรกลับรู้สึกว่าชอบเพราะมีแต่เรื่องน่าสนใจเต็มไปหมด ฉันรักวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์เป็นอย่างมาก ฉันชอบความท้าทายและน่าทดลองของพวกมัน ฉันสามารถอ่านได้เป็นเล่มๆในวันหนึ่ง

เมื่อพอเห็นว่าฉันเลือกจะทุ่มเทเวลาให้วิทยาศาสตร์มากไปกว่าภาษาอังกฤษเขาก็ดูเหมือนจะไม่พอใจนักและบอกว่าเส้นทางวิทยาศาสตร์เหมาะกับคนที่เก่งจริงเท่านั้นและให้ฉันไปทางสายภาษาจะดีกว่าเพราะอย่างไรก็มีงานรองรับในอนาคต ตอนที่ได้ฟังแบบนั้นฉันเถียงหัวชนฝาเลยเพราะว่าฉันรักวิทย์มาก ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน ทั้งๆที่คะแนนวิชาวิทย์จะไม่ได้โดดเด่นเท่ากับภาษาอังกฤษที่ฉันทำได้เลย อีกทั้งเวลาไปแข่งนอกโรงเรียนฉันก็มักจะได้ถ้วยรางวัลจากการแข่งภาษาอังกฤษมากกว่าวิทยาศาสตร์ด้วยนะ แต่ความรักทำให้คนเราตาบอดจริงไหมล่ะ ฉันเลือกเรียนด้านวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ประยุกต์มาโดยตลอด

เพราะว่ามันน่าสนใจ ฉันเรียนจนกระทั่งจบชั้นปริญญาโท และกำลังจะเริ่มเรียนระดับชั้นปริญญาเอกในเวลาต่อมมา เพราะมีความตั้งใจที่จะเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งฉันตั้งใจเรียนเอามากๆ ระหว่างที่กลับบ้านช่วงวันหยุดทุกคนก็ต้อนรับขับสู้ฉันเป็นอย่างดี ตอนนี้พ่อภูมิใจในตัวฉันเอามากๆเลย เพราะว่าฉันกำลังประสบความสำเร็จในชีวิต เขาเล่าว่าฉันเป็นลูกสาวที่ก้าวหน้ามากที่สุด เพราะฉันมีพี่สาวอีกสองคนแต่พวกเขานั้นเรียนจบม.6 และไม่ได้เรียนต่อ เพราะความรักอิสระและไม่ได้รู้สึกว่ามันเป็นจังหวะชีวิตที่ดีนักของการเรียนต่อ พวกเขานั้นค่อนข้างได้งานที่ทำงานเหนื่อยแต่ได้เงินเดือนน้อย แต่ฉันไม่ได้มองว่าใครด้อยไปกว่าฉันหรอกนะ

คนเราไม่สามารถตัดสินคนอื่นได้เพียงการเรียนของพวกเขาอยู่แล้ว มันมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่เราเองก็ไม่ได้มองเห็นจากตัวตนของพวกเขาเลย ฉันรักพี่สาวทั้งสองคนและมักปรึกษาปัญหาต่างๆกับพวกเธอ ฉันรู้สึกดีใจมากที่มีพี่สาวทั้งสองคนคอยอยู่เป็นเพื่อนเวลาที่ฉันรู้สึกเศร้าใจและหาที่พึ่งไม่ได้ พี่สาวของฉันคนหนึ่งเดินมาหาฉันและบอกว่าช่วยแนะนำแผนการเรียนต่อชั้นปริญญาตรีให้กับเธอหน่อย เธอต้องการที่จะเรียนต่อ ฉันอึ้งมากที่ได้ยินแบบนั้นเพราะไม่คิดว่าเธอจะกลับไปเรียนต่ออีกแล้ว ฉันแนะนำให้เธอเรียนปริญญาหลักสูตรออนไลน์ในวิทยาลัยแห่งหนึ่งเพราะว่ามันสะดวกกับเวลาทำงานของเธอมากกว่าที่จะไปเรียนวิทยาลัยแบบปกติ

เธอเห็นด้วยและเลือกเรียนการบริหารธุรกิจเธอตั้งใจเรียนเอามากๆเพราะอยากให้พ่อแม่ภูมิใจในตัวเธอเช่นเดียวกับที่ภูมิใจในตัวฉัน แต่ฉันมองว่าแม้เธอจะไม่ได้อยู่ในชุดครุยตอนนี้ฉันก็ดีใจกับเธอมากแล้วที่เลือกทำอะไรที่อยู่นอก Comfort Zone ของตัวเองบ้าง มันเป็นเหมือนการใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่า เธอเรียนเพียง 2 ปี ก็สามารถคว้าใบปริญญามาได้สำเร็จ และยังสามารถคว้าเกียรตินิยมอันดับสองมาได้อีกด้วย เรียกได้ว่าเธอนี่ช่างน่าเหลือเชื่อจัง ไม่นานนักพี่สาวคนโตของฉันก็มาปรึกษาฉันเหมือนกันว่าจะขอทุนการศึกษาไปเรียนต่อที่นิวซีแลนด์ตอนที่ได้ฟังครั้งแรกฉันตกใจมาก แต่ก็เริ่มวางใจแล้วว่าเธอจะต้องทำสำเร็จ และมันเป็นไปตามคาด

อีก 3 ปีถัดมาเธอก็สำเร็จการศึกษาจนได้ ตอนนี้พวกเรามีใบปริญญาให้พ่อแม่ได้ภูมิใจแล้ว พวกเรารู้สึกดีใจมากที่ได้เติมเต็มความฝันของตัวเองได้สำเร็จ พวกเธอก็เช่นกัน สิ่งที่ฉันอยากจะบอกก็คือไม่มีใครที่แก่เกินเรียน หรือสายไปสำหรับเส้นทางการเรียนหรอก เราสามารถเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ และอย่างยิ่งในยุคสมัยนี้ที่ใครๆก็มีความฝันอย่างชัดเจนว่าอยากจะเป็นอะไร อยากทำอะไรให้กับชีวิต แม้ว่าเราจะพลาดไปในครั้งแรก มันก็เป็นเรื่องที่ไม่ได้เลวร้ายอะไรหากเราจะเริ่มสู้ใหม่อีกครั้งเป็นครั้งที่สอง เราอาจจะเดินช้ากว่าก้าวของคนอื่น และรู้สึกท้อแท้ว่าเรานั้นทำสิ่งที่ผิดพลาดหรือเปล่า การที่ช้าไม่ได้แปลว่าเราทำไม่สำเร็จหรอกนะ

ขอเพียงเรามีความรู้สึกมีสุขกับสิ่งที่เราได้เลือก มีความสุขกับสิ่งที่ได้ทำในทุกๆวัน เพียงเท่านั้นมันก็ดีมากที่สุดแล้ว ปัจจุบันเป็นสิ่งที่เราต้องให้ความสำคัญมากที่สุด โฟกัสปัจจุบันและรับรองว่าคุณจะไม่ได้สัมผัสกับความเสียใจ การเลือกจะมองกลับไปในอนาคตที่ไม่รู้ว่าจะเป็นเช่นไร กับการมองย้อนกลับไปในอดีตมันไม่ได้มีผลอะไรนอกจากคำว่าเสียเวลาเลย ยิ่งเรามองย้อนกลับไปเท่าไรเราก็จะเกิดการเปรียบเทียบอยู่แบบนั้นไม่จบไม่สิ้น เราต้องอยู่กับสิ่งที่เราอยู่อย่างแท้จริง แล้วชีวิตจะได้พบเจอกับความสุขมากขึ้น คงเป็นคำกล่าวที่พวกเราหลายคนได้ยินมานานนักต่อนักแล้วแต่ก็รู้สึกอยู่ดีว่ามันเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก มันเป็นสิ่งที่เราต้องฝึกที่จิตของเราเสียก่อนให้หัดทำมันให้ได้ และเราจะทำได้จริงๆ