เมือง พญาขี้กะปอม
เมือง ณ เมืองเมืองหนึ่งที่ตั้งอยู่ทางทิศอีสานเมืองแห่งนี้นั้นมีผู้ปกครองชื่อว่าอีสาณะและในทางทิศอีสานนั้นก็มีเมืองเล็กเมืองน้อยอีกหลายเมืองตั้งอยู่โดยรอบเมืองอีสาณะ ด้วยเมืองของพญาอีสาณะเป็นเมืองที่ใหญ่โตที่สุดและอยู่ตรงกลางที่รายล้อมด้วยเมืองเล็กเมืองน้อยต่างๆ ทำให้พญาอีสาณะกลายเป็นเจ้าเมืองเพียงคนเดียวที่เจ้าเมืองเล็กๆ โดยรอบต้องให้การเคารพยำเกรงแต่สิ่งที่เจ้าเมืองทุกคนหรือชาวเมืองในแทบทางทิศอีสานให้ความเคารพและยำเกรงมากที่สุดก็คือพญาแถน พญาแถนนั้นก็คือพระอินทร์ที่คอยช่วยเหลือเหล่าผู้คนให้อยู่ดีกินดีมีชีวิตที่สงบสุขและปลอดภัยในทุกอย่าง
ในทุกๆ ปีนั้นเหล่าชาวเมืองจะทำพิธีเพื่อแสดงความเคารพต่อพญาแถนซึ่งพญาแถนเองนั้นจะถูกใจหรือชอบใจในสิ่งที่ชาวเมืองทำให้ แต่อยู่มาปีหนึ่งได้เกิดเรื่องเข้าใจผิดขึ้น โดยพญาแถนได้คิดว่าพญาอีสาณะนั้นกระด้างกระเดื่องไม่ยอมให้ผู้คนกราบไหว้ตนเหมือนเช่นที่ผ่านมาซึ่งจริงๆ แล้วเป็นความเข้าใจผิดของพญาแถนเพียงฝ่ายเดียวถึงแม้พญาอีสาณะจะบอกกล่าวอย่างไรและจะหาวิธีต่างๆ เพื่อให้พญาแถนได้รับรู้ว่าตนเองนั้นยังเคารพและยำเกรงพญาแถนอย่างที่ผ่านมาแต่พญาแถนก็ไม่ยอมรับรู้หรือรับฟังที่ผ่านมาทั้งยังสาปแช่งบุตรชายของพญาอีสาณะให้มีรูปประพันธ์สัณฐานที่ดูตลกและน่าเกลียด
ลูกชายของพญาอีสาณะมีชื่อว่าอิสรสและเขาก็พึ่งอายุได้เพียงห้าขวบเมื่อคำสาปแช่งของพญาแถนตกมาถึงตัว จากเด็กชายที่ดูน่ารักและมีรูปร่างหน้าตาดีก็ได้กลายเป็นเด็กที่อัปลักษณ์มีใบหน้าที่ผิดรูปไปจากใบหน้าที่ได้รูปก็บิดเบี้ยวยาวแหลมออกมามีฟันซี่เล็กๆ แหลมคมจมูกก็เล็กแหลมและด้านหลังจากตนคอจนถึงบั้นเอวก็มีกระดูกเล็กๆ โผล่มา นอกจากนี้ร่างกายยังดูงองุ้มลงอีกด้วยซึ่งดูไปดูมาก็รูปร่างคล้ายๆ กับกิ้งก่าพญาอีสาณะรู้สึกเสียใจมากที่พญาแถนได้สาปแช่งบุตรชายของตนให้กลายเป็นแบบนั้นแต่พระองค์ก็ไม่ได้โกรธเคืองอะไรมากนักและคิดว่าสักวันหนึ่งพญาแถนจะเข้าใจในเจตนาดีของตนเองอย่างแน่นอน
พระองค์นั้นคอยประคบประหงมเลี้ยงดูบุตรชายด้วยความรักทั้งยังสั่งสอนให้ลูกชายยึดมั่นในคุณธรรมและความดี ส่วนอิสรสเองก็ไม่ได้รู้สึกว่าตนเองนั้นมีความอัปลักษณ์หรือแตกต่างจากคนอื่นๆ เลยแต่พออายุมากขึ้นทั้งรูปร่างและใบหน้าก็ยิ่งเหมือนกิ้งก่ามากขึ้นทุกทีทำให้เพื่อนฝูงที่เคยเล่นด้วยกันต่างหลบลี้หนีหายด้วยความรังเกียจบางคนไม่เพียงแค่รังเกียจแต่ยังล้อเลียนจนบางครั้งอิสรสก็รู้สึกเสียใจเหมือนกันและเมื่อเด็กชายอายุย่างเข้าสิบเอ็ดขวบเพื่อนๆ ที่เป็นลูกหลานของเจ้าเมืองเล็กๆ ที่อยู่โดยรอบเมืองของพ่อนั้นต่างก็พากันรังเกียจและไม่นับเขาเป็นเพื่อนอีกเลยคงเหลือเฉพาะเด็กหญิงหน้าตาน่ารักเพียงคนเดียว
ที่มีอายุไล่เลี่ยกับอิสรสและเป็นลูกสาวของเพื่อนสนิทของอิสาณะที่ยังคงมาหาอิสรสเป็นทุกวันเธอจะแวะเวียนมาเล่นด้วยและคอยปรอบใจเมื่ออิสรสโศกเศร้าเสียใจจนวันเวลาผ่านไปและทั้งคู่นั้นได้อายุสิบสี่ปีเด็กหญิงได้มาบอกลาอิสรสว่าจำเป็นต้องเดินทางไปอยู่กับท่านยายที่เมืองแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ทางทิศอุดรอิสรสนั้นไม่อยากให้เธอจากเขาไปเลยเพราะเขาไม่เหลือใครแล้วแต่เขาก็ไม่อาจเห็นแก่ตัวรั้งเธอเอาไว้ได้ นับตั้งแต่เด็กหญิงจากไปอิสรสก็ดูจะเงียบขรึมมากขึ้นแล้ววันไหนถ้าว่างจากการเล่าเรียนหนังสือกับพระอาจารย์เขาก็จะคลุกอยู่แต่ในห้องแล้วเอาแต่วาดรูปของเด็กผู้หญิงคนนั้น
จนกระทั่งอิสรสได้อายุยี่สิบปีและกลายเป็นหนุ่มเต็มตัวหน้าตาของเขาก็คลายคลึงกับกิ้งก่ามากขึ้นจนชาวเมืองทั่วไปต่างเรียกเขาว่าพญาขี้กะปอมเขาไม่ได้รู้สึกโกรธเคืองหรือเสียใจอะไรเลยที่ชาวเมืองเรียกเขาแบบนั้นแต่สิ่งที่ทำให้เขาเสียจากที่สุดคือการได้เห็นพญาอีสาณะทุกข์ใจเขานั้นรับรู้หมดทุกเรื่องราวเพราะผู้เป็นพ่อได้เล่าให้ฟังหมดแล้วและรู้สึกดีใจที่คำสาปแช่งได้ตกมาที่ตัวเขาเองแทนที่จะเป็นพ่อชายหนุ่มพยายามคิดหาหนทางเพื่อจะแก้ปัญหาในเรื่องนี้และเขาก็ได้คิดจะไปหาพญาแถน ถึงแม้ว่าเขารู้ว่าการที่จะไปหาพญาแถนนั้นต้องพบเจอกับอุปสรรคอะไรบ้างเมื่อพิจารณาดูแล้ว
แทบจะไม่มีทางเป็นไปได้เลยแต่เขาก็ยังคงมุ่งมั่นทำความดีและอธิษฐานจิตอยู่เสมอเขาขอให้ตยเองได้มีโอกาสไปพบเจอพญาแถนเพื่อที่เขาจะได้อธิบายทุกอย่างให้เขาได้ฟังและเขาก็เชื่อมั่นว่าหากพญาแถนได้รับรู้ความจริงคำสาปแช่งก็จะหลุดพ้นไปจากตัวเขาและพ่อของเขาก็จะกลับมามีความสุขเป็นที่นับหน้าถือตาและเคารพรักจากทั้งเจ้าเมืองและผู้คนทั่วไปได้อีกครั้ง เมื่ออิสรสอายุได้ครบยี่สิบสองปีเขาก็จำเป็นต้องทำพิธีเลือกคู่พร้อมๆ กับบุตรชายของเจ้าเมืองอื่นที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกันโดยในวันเลือกคู่นั้นหญิงสาวที่เป็นธิดาของเมืองต่างๆ ก็จะเดินทางมารวมตัวกันและถ้าใครพอใจฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
หรือชายหญิงคู่ไหนชอบคอถูกใจกันต่างฝ่ายก็จะเป็นคู่หมายของกันและกันและรอเข้าพิธีอภิเษก เมื่อถึงวันเลือกคู่อิสรสก็ได้กลายเป็นเพียงชายหนุ่มที่เหลือเพียงคนเดียวโดยที่ไม่มีหญิงสาวสนใจเลยเขารู้สึกอับอายอยู่บ้างเหมือนกันแต่ก็ต้องข่มไว้ในใจไม่แสดงออกมาเพราะแม้แต่หญิงสาวที่ยังไม่มีคู่แม้แต่หางตาของพวกเธอก็ไม่เหลียวมามองเขาเลยสักนิดอิสรสหันไปมองหน้าพ่อด้วยแววตาเสียใจแต่เขากลับเห็นสายตาที่เสียใจยิ่งกว่าเขาสะท้อนกลับมาสิ่งนั้นก็คือแววตาของพญาอีสาณะนั่นเอง
“ข้าคงจะไม่มีครอบครัวและคงจะไม่มีทายาทเพื่อสืบทอดบ้านเมืองเสียแล้วกระมั้งท่านพ่อ”
“อย่าคิดมากเลยอิสรสให้ทุกอย่างมันเป็นไปตามทางของมันเถิด”
แต่ก่อนที่สองพ่อลูกจะได้คุยกันต่อก็ได้มีเสียงหนึ่งดังขึ้นเสียงนั้นเป็นเสียงใสๆ ของหญิงสาวและอิสรสก็รีบหันไปมองทันที
“พี่อิสรสพี่สบายดีหรือไม่ข้าเกือบจำพี่ไม่ได้แหนะ”
“น้องใหม่แก้วเจ้ากลับมาแล้วรึ”
อิสรสดีใจมากที่ได้เจอเด็กหญิงที่น่ารักที่ไม่เคยรังเกียจเขาและเขาเองก็ไม่ได้คาดหวังว่าไหมแก้วจะต้องเลือกตนเองเป็นคู่ครองแต่ผู้คนรอบข้างต่างพากันซุบซิบนินทาและบางคนก็พูดเสียงดังจนได้ยิน
“อุ๊ยดูสิเป็นองค์หญิงสวยงามเสียเปล่าเจ้าชายรูปงามมีให้เลือกมากมายกลับไปเลือกพญาขี้กะปอมน่าสังเวทจริงเชียว”
อิสรสและไหมแก้วรวมทั้งพญาอีสาณะได้หันไปมองกลุ่มหญิงสาวที่ซุบซิบนินทากันอยู่อิสรสนั้นรู้สึกโกรธเคืองขึ้นาบ้างเหมือนกันเพราะเขาไม่อยากให้ใครมาว่ากล่าวไหมแก้วเขาเลยตัดบทไม่อยู่เลือกคู่อีกต่อไปและได้เขาเมืองไปพร้อมกันไหมแก้วและพญาอีสาณะเมื่อกลับมาถึงเมืองอิสรสได้เลี้ยงต้อนรับไหมแก้วเป็นอย่างดีและเอ่ยปากขอบคุณที่หญิงสวยังไม่ลืมตนเอง ไหมแก้วยิ้มอย่างอ่อนโยนและบอกว่าเธอนั้นไม่เคยลืมอิสรสเลยยังคงคิดึงอยู่เสมอครั้งนี้ได้กลับมาเยี่ยมพ่อแม่เลยแวะมาเยี่ยมอิสรสด้วยและพรุ่งนี้ก็จะต้องเดินทางกลับแล้ว หลังจากนี้อิสรสจะเป็นอย่างไรติดตามชมตอนต่อไป
อ่านบทความต่อไป คลิ๊ก !!! ฝัน